ฝีในตับ
(Liver abscess) คือก้อนหนองในตับที่อาจทำให้เกิดไข้ ปวด และดีซ่านได้ เป็นภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ การทำความเข้าใจสาเหตุ อาการ และทางเลือกในการรักษาฝีถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงและผู้ที่มีอาการ
ฝีในตับคืออะไร?
คือการสะสมของของเหลวที่ติดเชื้อภายในตับ มีสองประเภทหลัก: ฝีที่เกิดจากเชื้อที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และฝีจากอะมีบาซึ่งเป็นผลมาจากการติดเชื้อปรสิตด้วย Entamoeba histolytica ชนิดที่พบไม่บ่อยคือฝีจากเชื้อรา พบในบุคคลที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
อาจเกิดจาก:
- การติดเชื้อ: แบคทีเรียหรือปรสิตจากลำไส้สามารถแพร่กระจายผ่านทางเลือดไปยังตับและพัฒนาเป็นฝีได้
- เงื่อนไข: ภาวะต่างๆ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ และการติดเชื้อในช่องท้องอาจทำให้เกิดฝีได้
- ขั้นตอนการบุกรุก: ขั้นตอนทางการแพทย์ เช่น การผ่าตัดตับหรือการกำจัดถุงน้ำดี สามารถนำแบคทีเรียเข้าสู่ตับได้
ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ :
- โรคเบาหวาน
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี
- ประวัติโรคตับหรือโรคท่อน้ำดี
อาการ
อาการอาจแตกต่างกันไป แต่มักรวมถึง:
- ไข้และหนาวสั่น
- ปวดท้องด้านขวาบน
- ความอ่อนแอและความเหนื่อยล้า
- คลื่นไส้และอาเจียน
- สูญเสียความกระหาย
- โรคดีซ่าน
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยอาจเกี่ยวข้องกับการใช้การประเมินผลทางคลินิกและเครื่องมือวินิจฉัยร่วมกัน เช่น:
- การทดสอบเลือด
- การศึกษาเกี่ยวกับภาพ (อัลตราซาวนด์, ซีทีสแกน, MRI)
- ความทะเยอทะยานของฝี (เพื่อระบุเชื้อโรค)
การรักษา
โดยทั่วไปการรักษาจะรวมถึง:
- ยาปฏิชีวนะเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ
- การระบายน้ำผ่านผิวหนังโดยการใช้เข็มแทงผ่านผิวหนังเพื่อระบายฝี
- อาจต้องผ่าตัดหากฝีไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ
อาจเป็นภาวะที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การพยากรณ์โรคโดยทั่วไปก็จะดี ใครก็ตามที่มีอาการควรไปพบแพทย์ทันที
แหล่งอ้างอิง
ติดตามเรื่องสุขภาพอื่นๆ : Medical Thai