ฮอร์โมนกับการใช้ทางการแพทย์
ฮอร์โมนกับการใช้ทางการแพทย์ ส่วนมากวัยทองเป็นช่วงที่ประจำเดือนหมดอย่างถาวร ภาวะเจริญพันธุ์มักคำนวณเมื่อประจำเดือนขาดติดต่อกัน 12 เดือนหรือ 1 ปี ตามอายุเฉลี่ยของสตรีวัยทอง เนื่องจากรังไข่หยุดทำงานและหยุดทำงาน ในประเทศไทยช่วงอายุประมาณ 48 ปี มีสตรีวัยหมดระดูที่เกิดเนื่องจากการผ่าตัดด้วย ในสตรีอายุน้อยกว่า 40 ปีที่ยังไม่เข้าสู่วัยหมดระดูแต่มีเหตุผลที่ต้องตัดมดลูกหรือรังไข่ เช่น มีซีสต์หรือเหตุผลทางนรีเวชวิทยาอื่นๆ และต้องตรวจรังไข่ทั้งสองข้างเพื่อตัดเอารังไข่ออก จะทำให้ผู้หญิงเหล่านี้ขาดฮอร์โมนเพศและเข้าสู่วัยทอง
อาการของสตรีวัยทองมีดังนี้
- อาการร้อนวูบวาบมักเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด จะมีความร้อนที่ตัวและใบหน้า เหงื่อออกอาจเกิดขึ้นตามร่างกายและใบหน้าโดยมีอาการทั้งกลางวันและกลางคืน
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
- นอนไม่หลับ
- ปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะบ่อย ทางเดินปัสสาวะอักเสบบ่อย
- ความใคร่ลดลง ช่องคลอดแห้งนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่เจ็บปวด ผนังช่องคลอดบาง ค่า pH ไม่สมดุล ช่องคลอดมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อ
- ปวดหัวไมเกรน
- ปวดกระดูกและข้อ
- ใจสั่น
- ความวิตกกังวล
- ซึมเศร้า สมาธิสั้น หลงลืม หงุดหงิดง่าย
- กระดูกอ่อนแอและหักง่ายจากการขาดฮอร์โมน
- เพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
รักษาอาการวัยหมดประจำเดือน
รักษาได้ด้วยฮอร์โมนทดแทน วิธีนี้จะทำให้อาการของสตรีวัยทองดีขึ้น ไม่ว่าจะร้อนวูบวาบ ซึมเศร้า หรือหลงลืม อารมณ์ก็จะแจ่มใสขึ้น หลับง่ายขึ้น ช่วยปัญหาระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินปัสสาวะ ช่วยให้สตรีวัยทองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามการให้ฮอร์โมนทดแทนต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะต้องตรวจฮอร์โมน ประเมินและติดตามระดับฮอร์โมนไม่ให้สูงเกินไป ได้แก่
- ซักประวัติทางการแพทย์ เช่น ประวัติการใช้ฮอร์โมนทดแทน ประวัติมะเร็งเต้านม ประวัติโรคหลอดเลือดและหัวใจที่เกี่ยวข้องกับการอุดตัน
- ตรวจสุขภาพร่างกาย
- ตรวจสอบภายใน
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง เช่น ตรวจระดับฮอร์โมนเพศในเลือด ตรวจมะเร็งเต้านม แมมโมแกรม อัลตราซาวนด์ ตรวจความหนาแน่นของกระดูก การทำงานของตับและไต และตรวจน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้การให้ฮอร์โมนต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เพราะมีเวลาให้ฮอร์โมนที่เหมาะสม ผู้ที่เป็นหรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือมีประวัติหลอดเลือดอุดตัน มีข้อห้ามในการให้ฮอร์โมน จึงจำเป็นต้องไปพบแพทย์และได้รับการดูแลติดตามจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ติดตามเรื่องโรค การรักษาอื่นๆได้อีกมากมาย ที่ : medicalthai
ยังมีเรื่องสุขภาพและการดูแลรักษาโรคอื่นๆ ที่ : Thaimedic